- 
        สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจในเกาะ Sentosa
 เกาะ Sentosa เดิมทีเกาะแห่งนี้มีชื่อว่า Palau Blakang Mati  ซึ่งแปลเป็นภาษามาลายูว่า "เกาะแห่งความตาย"  ฟังดูแล้วน่ากลัวนะครับ มันไม่ได้เกิดขึ้นเพราะว่าเป็นเกาะอาถรรพ์สยองขวัญอะไรหรอกครับ  แต่ที่มาของชื่อนี้เป็นเพราะว่า ในสมัยก่อนเกาะแห่งนี้เป็นหมู่บ้านชาวประมงและมีชาวประมงได้ล้มตายเป็นจำนวน  มากจากโรคระบาดชาวบ้านก็เลยขนานนามเกาะนี้ว่า Palau Blakang Mati แต่ในภายหลังก็ได้มีการเปลี่ยนชื่อเกาะแห่งนี้ไปอีกหลายชื่อ จนกระทั่งปี 2515  ได้ถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น เกาะเซ็นโตซ่า ซึ่งมีความหมายว่า  ความสงบสุข ในภาษามาลายู นับจากนั้นมานักท่องเที่ยวที่มีโอกาสมาเยือนประเทศสิงคโปร์ก็ไม่พลาดที่จะมาเยือนเกาะหรรษาเกาะนี้ทุกครั้ง
 เกาะเซ็นโตซ่า ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะสิงคโปร์ โดยที่มีทะเลกั้นระหว่างกลางอยู่ไม่ไกลมากนัก  ซึ่งการเดินทางไป-มา ระหว่างเกาะสิงคโปร์ กับ เกาะเซ็นโตซ่า  นักท่องเที่ยวนิยมใช้บริการ กระเช้าไฟฟ้า และ รถไฟฟ้า Sentosa Express
 
- 
  การนั่งกระเช้าไฟฟ้าไปเกาะเซ็นโตซ่า 
 การเดินทางข้ามไปเกาะเซ็นโตซ่าด้วยเคเบิ้ลคาร์หรือภาษาไทยเราเรียกว่ากระเช้าไฟฟ้าเป็นวิธีที่สนุกและหวาดเสียวกว่าการเดินทางแบบประเภทอื่นๆ  เป็นไหนๆ การให้บริการข้ามเกาะด้วยกระเช้าไฟฟ้าได้เปิดให้บริการนักท่องเที่ยวมา 30 กว่าปีแล้ว  จนทำนักท่องเที่ยวมองว่าการเดินทางข้ามจากเกาะสิงคโปร์ไปที่เกาะเซ็นโตซ่าด้วยกระเช้าไฟฟ้าเป็นการเดินทางที่สุดแสนจะคลาสสิคไปแล้ว  วิธีการนั่งกระเช้าไฟฟ้า ไปที่เกาะเซ็นโตซ่า จะสามารถเลือกนั่งได้ 2 สถานี คือ สถานี Mount Faber และ สถานี HarbourFront  ที่อาคาร World Trade Centre กระเช้าอยู่สูงจากผิวน้ำประมาณ  60 เมตร ซึ่งกระเช้าแต่ละตัวจะสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้ประมาณ  4-5 คน โดยใช้เวลาเดินทางจากตึก World Trade Centre ไปยังเกาะเซ็นโตซ่าประมาณ 10-12 นาที ด้วยระยะทาง 1.6  กิโลเมตร ขณะที่กระเช้าถูกปล่อยออกจากสถานี World Trade  Centre นักท่องเที่ยวจะล่องลอยอยู่เหนือทะเล และ สามารถมองเห็นวิวที่สวยงามระหว่างการเดินทาง
 
- 
  การนั่งรถไฟฟ้า Sentosa Express ข้ามเกาะสิงคโปร์ไปเกาะเซ็นโตซ่า
 สำหรับการเดินทางข้ามเกาะด้วยรถไฟฟ้า Sentoso Express ถือว่าเป็นอีกทางใหม่ล่าสุดที่รวดเร็วและถูกกว่าการเดินทางด้วยกระเช้าไฟฟ้า  ด้วยค่าโดยสารเพียง 3 SGD ต่อคน เท่านั้น  เข้าไปในเกาะแล้วเราจะขึ้น จะลงที่สถานีไหนก็ได้  ไม่จำกัดจำนวนครั้งแต่นักท่องเที่ยวอย่าเผลอนั่งออกมาจากสถานี Vivo City นะครับ  เพราะว่าจะถือว่าเราได้นั่งออกจากเกาะมาแล้ว ถ้าจะกลับเข้าไปอีกจะต้องเสียค่าโดยสารอีกรอบ
 
- 
  Sentosa  Express 
 สถานีต้นทางของ Sentosa Express คือสถานี Sentosa  Station ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 3 ของ Vivo City วิ่งข้ามสะพานเหนือทะเลเข้าสู่เกาะเซ็นโตซ่า  สถานีแรกบนเกาะคือสถานี Water Front Station และสถานีถัดไปคือ  สถานี Imbiah Station ซึ่งนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะลงที่สถานีนี้เพราะว่าสามารถเดินเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงได้เช่น  The True MerLion, Image Of Singapore, Sky Tower, Sentosa Luge และ Butterfly Park and Insect Kingdom
 ส่วนสถานีปลายทางคือ Beach Station ซึ่งอยู่ใกล้ชายหาด  Silosa Beach ชายหาดเทียมที่สร้างขึ้นมา
 
- 
  เมอร์ไลอ้อน 
 ตัวใหญ่ขนาดความสูง 37 เมตร  ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนเกาะเซ็นโตซ่า เพื่อใช้เป็นจุดชมทัศนียภาพของเกาะเซ็นโตซ่าอีกแห่งหนึ่ง  นอกเหนือจากเจ้าหอคอย Skytower เพราะว่าภายในลำตัวของเจ้าเมอร์ไลอ้อนยักษ์ตัวนี้  นักท่องเที่ยวสามารถตีตั๋วเพื่อขึ้นไปตรงบริเวณปากที่กำลังอ้าอยู่ของเจ้าเมอร์ไลอ้อนได้
 MerLion ยักษ์
 สำหรับบริเวณชั้นล่างของเจ้าเมอร์ไลอ้อน ถูกใช้เป็นบริเวณจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับเทพนิยายของเจ้าตัว  MerLion  นางเงือก ปลาหมึกยักษ์ และ มังกร รวมถึงมีร้านขายสินค้าที่ระลึกที่ MerLion  Shop และร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ด สำหรับนักท่องเที่ยว
 
- 
  MerLion Walk
 สำหรับพื้นที่ตรงบริเวณด้านหลังของเจ้าเมอร์ไลอ้อนยักษ์ จะเป็นบริเวณที่ร่มรื่นสำหรับพักผ่อน  เรียกว่า MerLion Walk ซึ่งบริเวณนี้ได้ใช้เป็นลานและถนนเพื่อจัดแสดงเรื่องราวของสัตว์ประหลาดคล้ายงู  พ่นน้ำออกมา พร้อมกับน้ำพุพุ่งกระโดดไปมา ซึ่งบริเวณนี้ถือว่าเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมานั่งพักผ่อนในยามที่เดินจนเมื่อยล้า
 
- 
        การแสดงน้ำพุดนตรี (Songs Of the Sea) 
 เป็นการแสดงโดยใช้เทคนิคการทำน้ำทะเลให้พุ่งขึ้น เสมือนกับเป็นฉากขนาดใหญ่  และยิงแสงเลเซอร์ ไปที่ฉาก โดยควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์ เล่าเรื่องราวต่างๆ  ได้อย่างน่าประทับใจ การแสดง Songs Of the Sea เป็นการแสดงที่ถูกสรรสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อมาแทน  Musical Fountain นั่นเอง
 สำหรับการแสดง Songs Of the Sea เป็นการแสดงกลางแจ้งครับ  เพราะฉะนั้นถ้าสภาพอากาศไม่ดี คือถ้าฝนตกก็อดชมกันได้นะครับ เพราะฉะนั้นเที่ยวสิงคโปร์ช่วงหน้าฝนก็มีโอกาสที่จะอดดูนะครับ
 ชมการแสดงที่อลังการด้วยการยิงแสงเลเซอร์ไปที่ม่านน้ำ การแสดงชุดนี้เป็นการแสดงที่สร้างความประทับใจให้กับผู้ชมได้ตลอด  45 นาทีของการชมการแสดงเลยทีเดียวครับ